ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์

หลายคนคงรู้จักและคุ้นเคยกับ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ในบทบาทการทำงานด้านการเมือง แต่ครั้งนี้เราอยากชวนทุกคนไปพูดคุยกับ ดร.ปุระชัย ถึงเส้นทางชีวิตและการทำงานในแง่มุมอื่นๆ ตลอดจนความประทับใจและมุมมองที่มีต่อโรงเรียนในฐานะศิษย์เก่าคนหนึ่งของเซนต์คาเบรียล

เริ่มต้นจากรั้วเซนต์คาเบรียล

ผมเริ่มเข้าเรียนที่เซนต์คาเบรียลตั้งแต่ชั้น .1-.3 ในช่วงที่เรียนประถมนั้นไม่ค่อยได้ตั้งใจเรียนเท่าไรเรียนไปเล่นไปตามประสาเด็ก จนกระทั่งมีเป้าหมายชีวิตคือ อยากสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร อยากจะเป็นนักเรียนเหล่าได้ใส่เครื่องแบบ จึงตั้งใจเรียนและเตรียมพร้อมร่างกายตั้งแต่อยู่ชั้น .1 ซึ่งการจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารต้องเก่ง 3 วิชา คือ ภาษาอังกฤษ คณิศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ มีตรวจร่างกายและสอบพละศึกษา จึงต้องออกกำลังกายต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นบาร์เดี่ยว บาร์คู่ วิ่ง ดันพื้น จนในที่สุดผมก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้

โดยโรงเรียนเซนต์คาเบรียลนั้น มีจุดแข็งในเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะให้เริ่มเรียนตั้งแต่ชั้น .1 นอกจากนี้ยังสอดแทรกอยู่ในวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร หนังสือที่ใช้นั้นก็เป็นภาษาอังกฤษ ทำโจทย์เลขก็ท่องคำศัพท์ไปด้วย มีการให้ท่องอาขยาน และฝึก Conversation ทำให้เราได้เรียนรู้โดยเป็นธรรมชาติ ซึ่งภาษาอังกฤษก็เป็นหนึ่งในวิชาที่ใช้ในการสอบเตรียมทหาร และเป็นพื้นฐานสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในการศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เมื่อมาเป็นอาจารย์สอนที่นิด้าก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ตลอดจนการสื่อสารในชีวิตประจำวันต่างๆ

ดาวที่คมที่สุดในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 

เนื่องจากผมสอบได้คะแนนสูง เมื่อต้องแยกเหล่า จึงได้เหล่าที่เลือกคือ ตำรวจ จึงไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระหว่างที่เรียนผมได้คะแนนอันดับ 1 ทุกครั้งในการสอบ 4 ปี มีการสอบทั้งหมด 8 ครั้ง ดาวของผมจึงถือได้ว่าเป็นดาวที่คมที่สุด โดยในปีที่ 4 ผมได้รับคัดเลือกเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมู่ และหัวหน้านักเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นตำแหน่งที่ผมภูมิใจที่สุด หมวกของผมจะต่างจากคนอื่นคือเป็นหมวกสีแดงกระบังดำ บนบ่าประดับด้วยมหามงกุฎ

หลังจากนั้นผมก็ได้ไปเป็นผู้บังคับหมวดตระเวนชายแดนที่จังหวัดตราดเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากผมได้ที่ 1 ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลังจากนั้นทางกรมตำรวจ และสำนักงาน .. จึงเรียกตัวให้มาปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตต ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีผลการเรียนดี ได้เกรดเฉลี่ยสูงประมาณ 3.87 ผมจึงทำเรื่องขอเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตต โดยได้เป็นนักเรียนดีเด่น และชนะเลิศการประกวดวิทยานิพนธ์

หวังว่าอีกร้อยปีข้างหน้า เซนต์คาเบรียลก็ยังคงอยู่

เส้นทางการทำงาน

หลังจากกลับมาเริ่มต้นทำงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจประมาณปีเศษ แต่ด้วยไม่มีตำแหน่งอาจารย์ จึงขอโอนย้ายมาเป็นอาจารย์ที่นิด้า เป็นเวลาประมาณ 16 ปี เริ่มต้นจากตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์จนได้ปรับเป็นศาสตราจารย์ อีกทั้งยังได้รับคัดเลือกให้เป็นคณบดีรัฐประศาสนศาสตร์ สุดท้ายได้รับคัดเลือกเป็นอธิการบดีทำงานอยู่ในวาระ 2 ปี ซึ่งตอนที่อยู่นิด้านั้นผมก็ทุ่มเทและได้เปิดแนวความคิดใหม่ๆ เช่น ให้มีสอนภาคกลางวันและภาคพิเศษคือ มีสอนตอนเย็น และเปิดสอนวันเสาร์อาทิตย์ ทำโครงการภูมิภาคโดยให้อาจารย์เดินทางไปสอนต่างจังหวัดในทุกภาคของประเทศ เป็นต้น

สำหรับจุดเปลี่ยนที่เข้ามาทำงานด้านการเมืองนั้น เริ่มต้นจากได้รับการทาบทามให้ลงสมัครทีมรองผู้ว่าของท่านสมัคร สุนทรเวช ในสมัยพลตรีจำลอง หลังจากนั้นจึงต้องลาออกจากการรับราชการและเข้าสู่เส้นทางการทำงานด้านการเมือง โดยเคยได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนเป็นรองนายกรัฐมนตรีจนครบวาระ 4 ปี จึงถือโอกาสนี้ยุติบทบาทการเมือง เพื่อไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่ประเทศนิวซีแลนด์

ความประทับใจและสิ่งที่อยากจะฝากถึงในโอกาสครบรอบ 100 ปี

สมัยที่ผมเรียนเซนต์คาเบรียลเป็นโรงเรียนที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะตึกแดงที่มีความคลาสสิกไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ถือเป็นสัญลักษณ์และความภูมิใจว่าสถานที่เรียนของเรานั้นมีความโอ่โถง หรูหรา ซึ่งในโอกาสครบรอบ 100 ปีนั้น ถือว่าผ่านเวลามาอย่างยาวนาน และผมก็คาดหวังว่าในอีก 100 ปีข้างหน้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลก็ยังอยู่ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคณะผู้บริหาร ครู ศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าที่จะช่วยกันธำรงรักษา ตลอดจนมีหลักสูตรการศึกษาที่ทันสมัย และสามารถนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

สุดท้ายคือโรงเรียนของเรานั้นเป็นโรงเรียนผู้ชาย จะต้องปลูกฝังให้มีความเป็นสุภาพบุรุษทั้งต่อหน้าและลับหลัง มีความสมดุลของร่างกายและจิตใจ กล่าวคือต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งต้องประพฤติตนเป็นคนดี คิดดี พูดดี มีความเสียสละเพื่อส่วนรวม และนึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เหมือนกับคำสอนที่พระเยซูคริสต์กล่าวไว้ว่ารวงข้าวที่สมบูรณ์นั้นย่อมจะโน้มต้นลงมา

และถ้าเป็นไปได้หรือมีโอกาสอยากจะฝากให้ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมให้เด็กเซนต์คาเบรียลได้พบปะกับสุภาพสตรี อาจจะเป็นโรงเรียนในเครือหรือโรงเรียนอื่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการหรืองานเต้นรำในจังหวะที่ไม่ต้องถูกเนื้องต้องตัวอย่างการรำวง นอกจากจะเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทยแล้ว ยังเป็นการสอนให้รู้จักการปฏิบัติตนต่อสุภาพสตรีว่าควรทำอย่างไร และสร้างความเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง