ความวิริยะอุสาหะนั้นจะนำมาซึ่งความสำเร็จ และความซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับการดำเนินชีวิตและการทำงาน ตลอดจนการทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญที่ คุณอำพน กิตติอำพน ถือเป็นหลักการในชีวิตการทำงานเป็นข้าราชการมาโดยตลอด
“ผมอยู่ที่เซนต์คาเบรียลค่อนข้างยาวนานเป็นเวลากว่า 13 ปี อาจจะเป็นเพราะชอบเล่นกีฬามากกว่าที่จะเรียนหนังสือ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่ตรงนี้ ตอนเด็กผมอยู่บ้านมาสเตอร์มาตลอดตั้งแต่ ป.1 ทั้งบ้านมาสเตอร์ทอง มาสเตอร์สมใจ มาสเตอร์เอียด เพราะว่าคุณพ่อเป็นหมอจึงฝากผมไว้กับมาสเตอร์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียลจึงเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง ผมเหมือนเป็นนักเรียนประจำ และมาสเตอร์ก็เหมือนเป็นพ่อแม่ที่คอยดูแลผมมาตั้งแต่เด็กจนโต ต้องบอกเลยว่าได้ดี และประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เพราะ 3 สิ่งที่โรงเรียนได้สอนให้กับเด็กเซนต์คาเบรียลทุกคน”
เริ่มต้นจาก LABOR OMNIA VINCIT คือ ความวิริยะอุตสาหะนำมาซึ่งความสำเร็จ “เมื่อพูดถึงทีไรผมจะนึกถึงบราเดอร์วินด์เซนต์ทุกครั้ง ท่านบอกว่าความสำเร็จที่ได้มานั้นจะมาจากการที่เรามีความขยันหมั่นเพียร และความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องเรียนดีอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการต่อสู้ชีวิตเมื่อต้องพบเจอกับปัญหาต่างๆ”
ส่วนที่สองคือ ต้องมีความบริสุทธิ์ บราเดอร์จะสอนตลอดว่า นอกจากความขยันหมั่นเพียรแล้ว จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เหมือนดอกซ่อนกลิ่นสีขาว และ A.M. ที่หมายถึงพระแม่มารี แม้ว่าผมจะไม่ได้นับถือคริสต์แต่เราอยู่ในบ้านญวนมาตลอด แต่สิ่งที่บราเดอร์สอนนั้นเป็นเรื่องของคุณธรรม ศีลธรรม คือให้เราเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์”
และสุดท้ายคือ ความตั้งมั่นที่จะเสียสละให้กับส่วนรวม และหมั่นค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ “ทั้งหมดนี้เหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของผมมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งผมเข้าใจถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่าสิ่งที่จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดก็คือ การที่เราปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เมื่อมีความพอเพียงแล้วก็ต้องรู้จักแบ่งปัน อีกทั้งหนังสือพระมหาชนกที่ทรงพระราชนิพนธ์ ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องความอดทนและวิริยะอุตสาหะ ซึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในที่สุด”
“หลังจากเรียนจบผมก็สอบติดสาขาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมภูมิใจมากเลยนะ กลับมาบอกบราเดอร์มาร์ติน บราเดอร์ประโยชน์ว่าผมเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว เมื่อจบปริญญาตรีก็ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่ Northeastern University และศึกษาปริญญาเอกที่ Clemson University ประเทศสหรัฐอเมริกา ถามว่าเรียนสังคมแล้วจบปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร ก็ต้องบอกว่าเพราะพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่ได้จากเซนต์คาเบรียล ตอนลงเรียน Math ครั้งแรกก็ได้ A เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่บราเดอร์สอนทั้งนั้น ผมจำได้ว่าสมัยก่อนเวลามีข้อสอบของกระทรวง ต้องมีครูมาสอนภาษาไทยไม่อย่างนั้นเราอ่านโจทย์กันไม่ได้ เพราะเราเรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด”
เมื่อเข้าสู่ชีวิตการทำงานคุณอำพนได้เริ่มต้นรับราชการที่กระทรวงเกษตร “ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะรับราชการอย่างจริงจัง ด้วยคุณพ่อคุณแม่ทำบริษัทเอื้อวิทยาคิดว่าคงจะต้องไปช่วย แต่พอเข้าไปทำงานที่กระทรวงเกษตรเราได้เห็นความยากไร้ เห็นความยากลำบากของคน ตอนนั้นเขาส่งให้ไปอยู่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม หลังจากนั้นจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรับราชการที่กระทรวงเกษตร และทำงานอยู่เป็นระยะกว่า 24 ปี ในช่วงสุดท้ายได้มีโอกาสทำงานเกี่ยวกับการเจรจาการค้าที่ WTO เรื่องสินค้าเกษตร
“ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเห็นประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันในการทำงานตลอดมา จนสุดท้ายผมถูกย้ายจากกระทรวงเกษตรให้ไปเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางการทำงานด้านการเมืองเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เป็นประธานธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นกรรมการนโยบายการเงินประมาณ 9 ปี เป็นข้าราชการ C11 ตั้งแต่อายุ 48 ปี ถือเป็นความภูมิใจอย่างยิ่ง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี ได้รับผิดชอบดูแลโรงเรียนในกองทุนการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ซึ่งสิ่งที่ผมพยายามเข้าไปส่งเสริมคือ จะทำอย่างไรให้โรงเรียนเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง เช่นเดียวกับที่ผมได้รับความรู้ ความรัก และความอบอุ่นจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
“และในการทำงานนั้นยังจะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ด้วยหลักของการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องโรงเรียน การเกษตร ความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้งพระองค์ท่านยังให้ทำหน้าที่ในปัจจุบันคือ ติดตาม ให้กำลังใจ และคอยดูแลประชาชน”
ในโอกาสครบรอบ 100 ปีนี้ คุณอำพนได้ฝากทิ้งท้ายว่า “ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการศิษย์เก่าทุกท่านที่ทำงานอย่างตั้งใจ เพราะผมเข้าใจว่าการทำงานเพื่อสังคมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และขอให้กำลังใจบราเดอร์ มาสเตอร์ ครูอาจารย์ต่างๆ ที่สามารถทำให้โรงเรียนเซนต์คาเบรียลของเราเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ก่อตั้งมา คือการสร้างบุคลากรที่เก่งและเป็นคนดีให้กับประเทศไทย”