พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์

จากความฝันในวัยเด็กของ พล...อิทธพร ศุภวงศ์ ที่อยากเป็นทหารอากาศเช่นเดียวกันกับคุณพ่อคุณแม่ เริ่มต้นจากนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ก่อนจะเข้าสู่โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนการบิน โดยมีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของรุ่น จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นนักบินขับไล่ ตลอดจนได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สำคัญมากมาย รวมไปถึงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ

จากความฝันในวัยเด็ก

ผมเข้าเรียนที่เซนต์คาเบรียลตั้งแต่ชั้น .1 จนถึงระดับชั้น ..3 และหลังจากนั้นมีความตั้งใจว่าจะไปทำตามความฝันของตัวเองคือเป็นทหารอากาศเหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ จึงตัดสินใจไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร และสามารถสอบติดตั้งแต่ครั้งแรก จากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนนายเรืออากาศ

สู่การเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ

เมื่อเรียนจบที่โรงเรียนนายเรืออากาศแล้วผมได้ไปที่โรงเรียนการบิน โดยมีผลการเียนเป็นที่ 1 ของรุ่น จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นนักบินขับไล่ โดยเข้ารับราชการอยู่ที่กองบินที่ 4 เริ่มต้นจากเป็นนักบินขับไล่ที่กองบิน 1 จนขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับฝูง และในขณะนั้นทางทัพทหารอากาศได้จัดหาเครื่องบิน F16 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคนั้น ผมจึงได้เข้าประจำการ โดยได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้บังคับฝูงคนแรก หลังจากนั้นผมก็ได้ไปเป็นผู้บังคับการที่กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะได้รับคัดเลือกให้ไปเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี

ในส่วนของเส้นทางการทำงานรับราชการนั้นได้มีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ อีกทั้งยังได้ทำงานในตำแหน่งที่สำคัญตลอดมา ตั้งแต่เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศฝ่ายยุทธการ รองเสนาธิการทหารอากาศ เสนาธิการทหารอากาศ โดยสุดท้ายได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศนั้นผมดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ถือเป็นช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตั้งแต่ผมรับราชการมา

นอกจากนี้ยังได้ทำงานในด้านอื่นๆ อาทิ คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย, กรรมการอิสระของ CP, ประธานกรรมการบริษัทอุตสาหกรรมการบิน, ประธานกรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย, ประธานสรรหาสภาปฎิรูปแห่งชาติ ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเส้นทางการรับราชการของผมครับ

สิ่งที่ได้จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล

นอกจากเซนต์คาเบรียลจะมีการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษา สิ่งที่ผมคิดว่านักเรียนเซนต์คาเบรียลได้เปรียบโรงเรียนอื่นคือเรื่องภาษาอังกฤษ และความมีวินัย สมัยที่ผมเรียนไม่ว่าจะเป็นวิชาคณิตศาสตร์หรือวิชาอื่นๆ เราเรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีหนังสืออ่านนอกเวลาซึ่งช่วยให้เรามีพื้นฐานด้านภาษาที่ดี เมื่อต้องไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ต้องสอบ 3 วิชา ด้วยกันคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าทำให้สอบผ่านได้ก็คือวิชาภาษาอังกฤษ หรือในส่วนของการทำงานที่ทำให้เราได้เปรียบในเรื่องการปฎิบัติหน้าที่รับราชการคือ การที่เราได้ภาษา และมักจะได้รับคัดเลือกจากผู้บังคับบัญชา เพราะท่านเห็นว่าเรามีความพร้อมมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก และส่งผลให้ผมประสบความสำเร็จในการทำงานรับราชการ

เรื่องของระเบียบวินัยที่มีความเข้มงวด ถ้าทุกคนไม่อยู่ในกฎระเบียบก็จะโดน Bad Note มีการทำโทษโดยการตีด้วยไม้เรียว คือต้องบอกว่าเซนต์คาเบรียลนอกจากให้ความรู้ ยังเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อให้นักเรียนสามารถไปเลือกเรียนในสาขาวิชาชีพที่ต้องการได้ ไม่เพียงใช่แค่เรื่องวิชาการ แต่ยังอบรมให้มีระเบียบวินัย ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะว่าการที่เราจะอยู่ในสังคม ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนเก่งอย่างเดียวแต่ต้องเป็นคนดีด้วย

ดีใจที่เราเป็นศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล

เรื่องราวความประทับใจ

สิ่งที่ผมจำได้อย่างดีเลยคือ สมัยนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีต่างๆ เมื่อถึงเวลาพักเราจะออกไปวิ่งเล่นตามประสาเด็กๆ ไม่มีใครอยู่เฉยๆ ในห้อง โดยเฉพาะการเล่นโมรา คือนำลูกเทนนิสมาวิ่งไล่ปาใส่กัน หรือไม่ก็เตะฟุตบอลข้ามโรงพละ ซึ่งเมื่อก่อนจะเป็นอาคารสำหรับเรียนวิชาพละ

นอกจากนี้คือในช่วงของการประกาศผลสอบทุกคนจะต้องลุ้นกันเป็นอย่างมาก เพราะประกาศพร้อมกันที่ห้องสมุดด้านบนตึกแดง เริ่มตั้งแต่คนที่สอบได้ที่ 1 ไปจนถึงคนที่สอบได้คะแนนน้อยที่สุด แล้วให้ออหมายืนเรียงกัน คนที่สอบตกก็จะถูกแยกออกไป ทำให้เด็กเซนต์คาเบรียลมีความกระตือรือร้นในการเรียน ด้วยความกลัวจะถูกเรียกไปยืนให้อายเมื่อสอบตก

ถือเป็นความภูมิใจที่จบจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล

สิ่งที่อยากจะฝากถึงน้องๆ ในรั้วเซนต์คาเบรียลคือ อยากให้ทุกคนมีความภูมิใจที่เราเป็นศิษย์เก่า หรือกำลังเป็นนักเรียนของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งในโอกาสครบรอบ 100 ปี คงเป็นหลักประกันได้ว่าเซนต์คาเบรียลของเรายืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังคงเป็นโรงเรียนที่อยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ อีกทั้งยังเป็นความมุ่งหวังของผู้ปกครองว่าอยากให้ลูกหลานได้มาเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และมั่นใจได้ว่าเมื่อลูกหลานจบออกไปจะมีความพร้อมในการศึกษาต่อ ตลอดจนการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต

สุดท้ายอยากให้น้องๆ ทุกคนมีความฝัน โดยกล้าที่จะฝันว่าอยากเป็นอะไร แล้วใช้ความฝันนั้นเป็นแรงผลักดันให้เรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเป็นแนวทางที่ทำให้เราเดินไปสู่ความฝันได้สำเร็จ